“การใช้น้ำพุร้อนเค็มที่คลองท่อมแต่เดิมเป็นวิถีชุมชนแบบดั้งเดิม คือ การลงอาบแช่ในบ่อตามธรรมชาติ ที่มีความเชื่อปากต่อปากว่าสามารถป้องกันและรักษาโรคได้ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาใช้บริการกันเป็นจำนวนมากถึงปีละกว่า 100,000 คน และต่อมาทางภาครัฐได้เข้ามาช่วยบริหารจัดการให้การอาบแช่มีมาตรฐานมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังมองหาการอาบแช่ที่สะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น จุดนี้จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการคลองท่อม เฮอริเทจ (Klongtom Heritage) บนพื้นที่ประมาณ 300 ไร่ โดยนำคุณประโยชน์อันมหาศาลของน้ำพุร้อนเค็มมาต่อยอดประยุกต์ใช้ร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่ ผนวกกับการบริการมาตรฐานระดับโลก เพื่อช่วยในการฟื้นฟูและบำบัดผู้ที่มีปัญหา รวมถึงคนทั่วไปที่สนใจรักษาสุขภาพและต้องการใช้ชีวิตอย่างสมดุล มีความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายเพิ่มยิ่งขึ้น อีกทั้งการออกแบบองค์ประกอบอื่น ๆ ภายในโครงการยังถูกสร้างขึ้นด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อจะรักษาความอุดมสมบูรณ์ และบริหารทรัพย์ในดินให้อยู่เคียงคู่กับชุมชน โดยมีเป้าหมายให้โครงการคลองท่อมเฮอริเทจเป็นเมืองแห่งสุขภาพระดับโลกสำหรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และทำให้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ กลายเป็นจุดหมายใหม่ของ World Health Destination”
“Amataya Wellness ในเฟส 1 ที่จะเปิดให้บริการกลางปีนี้ถือเป็นหัวรถจักรสำคัญของโครงการคลองท่อมเฮอริเทจ ที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของน้ำพุร้อนเค็มอย่างชัดเจนก่อนที่โครงการในเฟสอื่น ๆ จะทยอยตามมา เพราะเรามีทั้งโรงพยาบาลกายภาพบำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยโรคสโตรก และการให้บริการด้วยการดูแลแบบองค์รวมสำหรับผู้รักสุขภาพโดยใช้น้ำพุร้อนเค็ม อีกทั้งยังมีโครงการที่พักอาศัยที่ออกแบบผสมผสานการใช้ชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติมาพร้อมกับบ่อน้ำพุร้อนเค็มทุกหลัง เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้คุณได้ทุกวัน โดยเรามีพันธมิตรที่ดีอย่างโรงพยาบาลทีอาร์พีเอช (TRPH) โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง Ishii และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Bangkok Healthcare Service (BHS) เข้ามาช่วยบริหารจัดการในส่วนนี้ เมื่อเปิดให้บริการแล้วผมมั่นใจว่าภาพของ จ.กระบี่ จะเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนสำคัญของการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman Wellness Economic Corridor : AWC) ได้อย่างเด่นชัดยิ่งขึ้น” นายวิชัยกล่าว